ตัวอย่างสินค้า ที่สร้างยอดหลักแสน ตั้งแต่เปิดตัว

โดยทำคอนเทนต์ไม่เกิน 10 Post อธิบายให้ฟังใน 20 นาที

วันนี้เนี่ยก็จะพิเศษเนอะมาเป็นคลิป

เพื่อที่จะอธิบายให้ทุกท่านเห็นภาพ

สำหรับใครที่ติดปัญหาว่า

เราอยากจะทำ expert

แต่มันจะต้องทำ Content ยังไง

ต้องทำ Content บ่อยไหม

ต้องโพสต์กี่ครั้งถึงจะขายได้นะครับ

หรือว่าต้องทำยังไงถึงจะทำให้คนเนี่ย

จะพึ่งรู้จักกันพึ่งมา follow เพจเชื่อ

แล้วก็เปลี่ยนใจมาเป็นลูกค้านะครับ

แม้ว่าคุณจะเป็นหน้าใหม่นะครับ

คุณเปิดเพจแล้วก็ยังไม่ได้เคยสร้าง

ตัวตนมาก่อนเลยแล้วแถมตลาดที่เข้าไป

ก็มีคนทำดูก่อนหน้าแถมเป็นคู่แข่งเยอะด้วย

แล้วก็คุณไม่ได้อยากเล่นในสงครามราคานะครับ

นี่คือคลิปที่ผมจะมายกตัวอย่างเนาะตามสัญญา เพื่อช่วยให้ทุกท่านสามารถที่จะทำ Content สำหรับสาย expert ได้อย่างถูกต้อง

โดยไม่ต้องลองผิดลองถูกนะครับ

แล้วก็พลาดโอกาสเหมือนที่ผมเคยเจอ

ในช่วงแรกๆในการทำ expert นะครับ

ก็สิ่งที่ผมเคยสงสัยมาตลอดเนี่ยผมเคยเชื่อว่า

การที่จะขายของดีเนี่ยก็คือผมต้องพยายาม

ยิงแอดให้เก่งนะครับแล้วก็จำเป็นที่จะต้องฝึกเขียน

หน้าขายหรือว่าเซลล์เพจนะครับ

บางท่านอาจะเรียกว่า Copy writing

ให้มันเฉียบนะครับแต่ว่ายิ่งเรียนรู้ลึกลงไป

ไม่ว่าจะเป็นการยิงแอดหรือว่าการเขียนเนี่ย

ผมกลับพบว่ามันไม่ได้เป็นตัวการันตีนะครับ

เพราะว่าจากประสบการณ์ที่ผมอยู่

ในตลาด expert เนี่ยมาเกิน 8 ปีเนี่ย

แล้วก็ทำคอร์สมาเยอะมาก

ทั้งของตัวเองทั้งตอนที่ทำให้กับหลายๆคน

แล้วก็ตอนทำงานประจำผมก็ทำหน้าที่เป็นคน

วางกลยุทธ์พวกคอร์สแล้วก็หนังสือ e-book ต่างๆเนี่ย ไม่ใช่ทุกครั้งนะครับ

การยิงแอดเป็นอย่างเดียว

ไม่ใช่ตัวการตีความสำเร็จเลย

หลายๆครั้งเนี่ย ที่เราก็มั่นใจว่า

เรายิงแอดแม่นแล้วนะครับ

แล้วก็คำโฆษณาที่เราเขียนรวมถึงโปรโมชั่น

ที่เราจัดมันก็ค่อนข้างที่จะน่าดึงดูดแต่ทำไม

ยอดขายกลับไม่โตไปอย่างที่เราตั้งไว้

แต่ว่าตรงกันข้ามนะครับหลังจากที่ผม

เข้าใจแก่นของการทำ Content

สำหรับสาย expert จริงๆ

ไม่จำเป็นต้องโพสเยอะนะครับ

ใช้แค่นี้นะไม่จำเป็นต้องโพสต์เยอะ

ไม่จำเป็นต้องโพสต์บ่อยนะครับ

และที่สำคัญตั้งต้นเนี่ยไม่เกิน 10 โพสต์

สามารถที่จะเช็คได้เลยว่าคอร์สหรือว่า

ไอเดียที่ทุกท่านกำลังทำอยู่เนี่ยมีโอกาส

ที่จะขายดีแล้วก็ขายได้เรื่อยๆไหมนะครับ

นี่ก็เลยเป็นที่มาว่าวันนี้ผมจะมายกตัวอย่างจริง พร้อมวิธีคิดให้ดูแต่ก่อนที่จะไปยกเคสจริงเนี่ย

ขอทบกวนนิดนึงนะครับว่า

Content โดยเฉพาะ

Content expert เนี่ยมัน

เป็นการเขียนที่แตกต่าง

จากสินค้าโดยทั่วไปเพราะว่าสินค้า expert

เป็นสินค้าที่ต้องอาศัยความเชื่อใจก่อนนะครับ

เขาจะไม่ได้ตัดผมโปรโมชั่น

หรือว่าราคาอย่างเดียว

ดังนั้นใครที่กังวลว่ามาทีหลังยังไม่มีชื่อเสียง

เพจเพิ่งเปิดเลยไม่สามารถที่จะตั้งราคาได้เนี่ย

นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งข้อผิดพลาดนะครับ

ที่ทำให้คุณทิ้งเงินหลายแสนไปก็ได้นะครับ

ดังนั้นจุดประสงค์ก็คือว่าอย่าเพิ่งคิดถึงว่า

ราคาจะต้องเป็นราคาเท่าไหร่นะครับ

ให้มันคิดก่อนว่า ตอนเนี้ยทำยังไงคุณถึงจะสนใจเพราะว่า

ในบทความที่ 1 นะครับผมแชร์ไปแล้วว่า

มันมีอยู่ 3 ปัจจัยเนาะ

ถ้าคนจะไม่ซื้อเนี่ยมันจะมีอยู่ 3 ปัจจัย

ปัจจัยที่ 1 คือเขารู้สึกว่าสิ่งที่คุณนำเสนอคอร์ส ที่คุณนำเสนอเนี่ยมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เชื่อแล้วครับ พูดง่ายๆคือเป็นประสบการณ์ที่เขาเคยผ่านมาเรียบร้อยแล้ว

ต่อให้ราคาจะถูกถ้าเขาไม่เชื่อ

เขาก็จะไม่ซื้อเนาะนี่คือหนึ่ง

คือไม่เชื่อในโอกาสที่คุณนำเสนอ

2 ก็คือเชื่อในโอกาสอาจจะยังไม่เชื่อในตัวคุณ

หรือว่าไม่เชื่อในตัวคนสอนนะครับอาจจะเป็นเพราะว่า เราอาจจะไม่เคยเล่ามุมมองที่เราเคยเป็นเหมือนเขา

ในอดีตเลยนะครับที่เหลือจะมาขยี้เรื่องนี้ฟังเนาะ ประเด็นที่ 3 เนี่ยก็คือเขาอาจจะไม่เชื่อในตัวเองนะครับ เพราะหลายคนสาเหตุที่เขาไม่ประสบความสำเร็จ

หรือเขาไม่ซื้อของเนี่ยเขาไม่เชื่อในตัวเอง

เพราะมันอาจจะมีข้อจำกัดใดๆมามาเป็นเหมือนโซ่ ที่ล่ามเท้าเค้าเอาไว้นะครับทำให้เขา

ไม่กล้าที่จะเดินข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆไป

คือไม่ได้เกี่ยวกับคอร์สและอันนี้เขาไม่กล้า

แม้แต่จะลงมือทำด้วยซ้ำเพราะเขาก็ไม่เชื่อว่า

ตัวเองจะทำได้นะครับ

3 อย่างนี้เป็นสิ่งที่ทุกท่านจะต้องเขียน

ข้อโต้แย้งลงไปนะครับเพื่อทำให้เขาเนี่ย

เปลี่ยนความเชื่อแล้วก็ทำลายไอ้ 3 สิ่งนี้

ให้พังลงไปทั้งหมด

เข้ามาข้อสรุปบทความวันที่ 2 เนี่ย

อย่างที่ผมบอกไปว่าหลายๆครั้งที่โพสต์บ่อย

ไม่ได้การันตีเลยว่ามันจะสำเร็จ

และมีหลายๆครั้งของคนที่มาปรึกษาเนี่ย

โพสต์เยอะมากๆแต่ว่าก็ขายไม่ได้เลยก็มีนะ

ดังนั้นเนี่ยแปลว่าอะไรแปลว่า

จำนวนโพสต์ที่เยอะไม่ได้เป็นตัวการันตี

ความสำเร็จนะครับนี่คือแนวคิดก่อน

ตรงกันข้ามเพจบางเพจทำไมมีโพสต์

แค่ไม่ถึง 10 โพสต์แต่สามารถสร้างยอดขายได้ จะเป็นหลักหมื่นหลักแสนหลักล้านมีความเป็นไปได้หมด และเพราะอะไรเขาโพสต์น้อยแต่ทำไมถึงโดน

และนี่คือสิ่งที่เราจะมาพูดคุยกันวันนี้

พร้อมตัวอย่างเนาะรูปเมื่อวานที่ผมเขียนมาให้ดูเนี่ย อย่างที่ผมบอกผมเข้าใจเรื่องนี้จากหนังสือ ที่ชื่อว่า expert secrets นะครับที่เขาบอกว่า

ลูกค้าเนี่ยคุณต้องเข้าใจก่อนว่าคุณเขียน

บทความนี้ให้ใครอ่าน

ดังนั้นบางครั้งเนี่ยหน้าขายที่

คุณเขียนมาอย่างดีมากๆ

ถ้ามันอยู่ผิดที่ผิดเวลาผิดกลุ่มคนนะครับ

มันก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนมาเป็นยอดขายได้

นี่เลยเป็นที่มาว่าหลายๆเพจเนี่ยเขียนดีมาก

กราฟฟิคสวย ยิงแอดแม่นแต่ก็ยังยอดขาย

ไม่ได้ตามเป้านะครับ

คุณจำเป็นต้องเข้าใจกลุ่มลูกค้า 3 กลุ่มก่อนนะครับหลังจากที่ผมเข้าใจเรื่องนี้ปุ๊บเนี่ย

อย่างที่บอกหลายๆเพจทำโพสต์

ไม่ถึง 10 โพสต์นะครับ

เร็วสุดที่เคยทำได้คือ 1 โพสต์เท่านั้นเองนะครับ แล้วนอกจากผมทำได้ผมก็เป็นที่ปรึกษาให้หลายๆคน ก็เอามันไปประยุกต์ใช้ได้เหมือนกันนะครับ

แก่นเหล่านี้เนี่ยคือลองผิดลองถูกมาเยอะมาก

นะครับแล้วก็จะเข้าใจด้วยตัวหนังสือ expert secrets อย่างเดียวยังไม่เข้าใจนะ

มันจะต้องไปเจอเคสจะต้องไปแบบอ่าน

ไปดูคอร์สไปหลายอย่างนะครับ

จนสุดท้ายเนี่ยผมตกผลึกออกมาเป็นรูป

ที่วาดรูปให้ฟังนะครับแล้วมันทำให้เราเข้าใจ

แล้วเพราะเราเข้าใจเนี่ยทุกครั้งที่เราจะทำคอร์สใหม่ นี่คือวิธีคิดที่ผมใช้จริงๆแล้วก็สามารถที่จะวางแผน กลยุทธ์ Content เนี่ยได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆนะครับ

นั่นคือเราเข้าใจแบบนี้ก่อนว่าคนประเภทที่ 1

คือคนที่เขาทุกข์นะครับทุกก็เหมือนหน้าบึ้งหน้าเศร้า เพราะเขาน่าทุกข์หน้าเศร้าเนี่ย

เขาเปรียบเสมือนยืนอยู่ฝั่งซ้ายของเหวนะ

ฝั่งซ้ายเปรียบเสมือนว่ายืนอยู่ฝั่งนรกนะครับ

ฝั่งขวาเนี่ยคือแดนสวรรค์ที่เขาปรารถนา

ที่จะก้าวข้ามไปนะครับแล้วก็ถ้าเกิดเข้ามา

แล้วก็แฮปปี้แต่เขาไม่รู้ว่าทำยังไง

มันถึงจะก้าวข้ามเหวนี้มาได้นะครับ

เขาเลยเต็มไปด้วยความสงสัย

เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจหรือ

คือ 3 factor ที่ผมเล่านั่นแหละ

ไม่รู้โอกาส ไม่มั่นใจตัวเอง แล้วก็ไม่มั่นใจคนนะครับ เพราะเขาไม่มั่นใจเขาก็ไม่เลือกที่จะก้าวข้ามเหวไปเพราะมันมีเต็มไปหมดนะครับ

แต่ว่าจินตนาการตามคุณคิดว่า

ถ้าเราอยู่ในนรกเนี่ยเราจะอยากออกหรือ

เราจะอยู่ที่เดิมครับเพราะนรกเนี่ยมันร้อน

แล้วมันก็ทรมานแล้วมันก็ไม่ได้น่าอยู่เลย

ดังนั้นเนี่ยเขามีปัญหาอยู่แต่เขาไม่รู้ว่าทำยังไง

เขาถึงจะก้าวออกมาจากปัญหาได้นะครับ

นี่คือ Concept ของคนประเภทที่ 1 นะครับ

คนประเภทที่ 1 ก็จะกังวล

มีปัญหาแล้วอยากออกจากนรก

ในใจจะขาดแต่ไม่รู้ว่าจะออกยังไง

ด้วยประสบการณ์เก่าๆเขาทั้งหมด

ไม่สามารถทำให้เขาเดินออกมาจากนรกได้

เพราะถ้าออกได้เขาออกมาแล้วเห็นไหมครับ

ถ้าออกได้ออกไปแล้วนะ

งั้นถ้ามันจะมีโอกาสใหม่อะไรสักตัวนึง

มานำเสนอเขาและทำให้เขาเห็นถึงความเป็นไปได้ เขาก็พร้อมที่จะเปิดใจรับฟังนะครับ

นั่นคือคนประเภทที่ 1 พอเขาสนใจ

จากไม่สนใจเป็นสนใจนะ

อย่างในบทความเมื่อวาน

ผมก็ยกตัวอย่างนะครับจากไม่สนใจ

เป็นสนใจเนี่ยเขาก็จะยังเต็มไปด้วยข้อสงสัย

คุณจำเป็นที่จะต้องเล่านะครับว่าการที่

คุณมาอยู่ในแดนสวรรค์ในฝั่งขวาเรียบร้อยแล้วเนี่ย

แต่ก่อนหน้านั้นน่ะคุณรู้ไหมผมเคยอยู่

ในจุดเดียวกับคุณเลย

แล้วนอกจากอยู่ในจุดเดียวกันแล้วเนี่ย

ผมเข้าใจทุกความทุกข์ความกังวลและ

ความเครียดของคุณหมดเลย

เพราะว่าผมกับคุณไม่ได้ต่างกัน

เพียงแต่วันนี้ผมเข้าใจแล้วว่า

ไอ้สะพานข้ามเหวเนี่ยมันข้ามยังไง

แล้วคุณต้องไปหาสะพานที่ไหนนะครับ

ผมถึงเข้ามาอยู่ฝั่งนี้ได้

ถ้าวันนี้คุณอยากจะยืนฝั่งเดียวกับผมเนี่ย

คุณอยากรู้ไหมว่าผมทำยังไงนะครับนี่คือ

Concept ของการทำบทความสำหรับคนกลุ่มที่ 2 กลุ่มแรกคือทำให้สนใจเนาะ

เขียนแก่นอันนี้เนี่ยก็คือทำให้เชื่อนะครับ

ที่จะรับหรือว่าเรียนพบกับโอกาสใหม่ๆ

เรียกว่าพร้อมซื้อนั่นเองนะครับก็

ดังนั้นเนี่ยเฟสที่ 3 หรือลูกค้ากลุ่มที่ 3

คุณก็สามารถใช้เทคนิคการเขียน

หรือว่ากลยุทธ์การขายจัดโปรโมชั่น

เพื่อให้เขาเร่งการตัดสินใจได้

ในทันทีนี่คือสิ่งที่ผมตกลึกมากนะครับ

เพราะว่าแต่ละครั้งที่ Expert หรือว่า

คนทำเพราะส่วนใหญ่ล้มเหลวเนี่ย

เพราะคุณเร่งขายกับคนที่เขายังไม่เชื่อ

ในโอกาสและเขายังไม่เชื่อในตัวคุณนะครับ

ดังนั้นต่อให้บอกว่าลดราคาพิเศษเยอะมากๆ

ก็มีโอกาสที่จะยังไม่ซื้อนะครับ

อันนี้เนี่ยมันเกิดจากประสบการณ์ผม

โดยตรงเลยนะผมพยายามที่จะหา

คนที่เก่งมาสอนและนี่คือ

เคสที่ผมเจอจริงๆพยายามหาคนเก่งมาสอน

ที่เป็นคนที่มีชื่อเสียงมีคนรู้จักนะครับ

แต่ว่าพอเอามาสอนจริงๆอ่ะมันกลับไม่ใช่

เรื่องที่คนเขาสนใจหรือว่านรกที่เขาจะต้องเดินออกมาดังนั้นเนี่ยผมคิดไปเองว่าเรื่องนี้มันดี

จัดโปรโมชั่นอย่างดียิงแอดอย่างดี

แต่เรื่องนี้ก็แป๊กสนิทนะครับ

ตรงกันข้ามคอร์สบางคอร์สที่ผมทำ

เพจเพิ่งเปิดโพสต์ในเพจมีโพสต์เดียวนะครับ

ไม่มี Live ไม่ได้มีกราฟฟิค

ไม่ได้มีการตัดต่อวิดีโอใดๆทั้งสิ้น

จะโพสต์โพสต์เดียวก็สามารถสร้างยอดขาย

ได้เกือบแสนบาทในเดือนแรกนะครับ

แล้วก็สามารถเติบโตขึ้นอย่างนี้เรื่อยๆ

ด้วยโพสต์ที่เพิ่มขึ้นมาไม่กี่คนเท่านั้นเอง

ความต่าง 2 อย่างนี้อยู่ที่โอกาสนะครับ

ซึ่งเพื่อจะทำให้ทุกท่านเห็นภาพในระยะเวลาสั้นๆผมจะยกตัวอย่างเคสจริง 1 ตัว

ที่ผมเคยทำไว้ในอดีตนะครับมันเป็นตลาด

ที่เกี่ยวกับการพูดภาษาอังกฤษนะครับ

เป็นหนังสือ 1 เล่มที่เกี่ยวกับ

การพูดภาษาอังกฤษนะครับ

ทีนี้เนี่ยทุกคนคิดว่าหนังสือสอนพูดภาษาอังกฤษ เนี่ยมีคนทำเยอะไหมนะครับ

ไม่ว่าจะเป็นตามร้านหนังสือชั้นนำ

เยอะนะครับคนทำคนสอนเยอะไหม

เยอะมากนะครับสถาบันกวดวิชาหรือว่า

สถาบันต่างๆเปิดสอนเยอะมากๆนะครับ

ดังนั้นเนี่ยตัวอย่างวิธีคิดนะครับ

เราต้องคิดแบบนี้ก่อนว่าคนฝั่งซ้ายเนี่ย

ที่อยู่ของนรกมันมีอยู่หรือเปล่าคนที่

ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้มีอยู่ไหม

ถ้าทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้หมดแล้ว

ต่อให้เราจะลดราคาต่อให้คุณจะสอนฟรี

ก็ไม่สนใจเห็นด้วยไหมครับ

แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือคนไทยโดยส่วนใหญ่

90 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้วนะอันนี้จากประสบการณ์ ที่คุยมายังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ครับ

แม้ว่าจะเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่

เลเวลประถม 5 นะครับแล้วก็มัธยม

แล้วก็มหาลัยสุดท้ายก็ยัง

พูดภาษาอังกฤษไม่ได้อยู่ดี

ดังนั้นเนี่ยปัญหามันมีอยู่แล้วก็

ประสบการณ์เก่าเขาเนี่ยเช่นเขา

ก็เรียนมหาลัยมานะ

เรียนแกรมม่ามาหนักนะครับ

ก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นะครับ

ท่องศัพท์มาเยอะมากก็ยังไม่สามารถ

ใช้คำศัพท์ได้คล่องนะครับ

แล้วก็เรียนซ้ำๆมาเป็น 10 ปีนี้

คือนี่คือ ประสบการณ์เก่านะครับ

หนังสือเล่มนี้เนี่ยเป็นหนังสือที่มาจาก

บุคคลที่เรียกตัวเองว่า Polyglot นะครับ

หรือก็คือคนที่พูดได้รับมากกว่า 2 ภาษา

แล้วก็พูดได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากๆ

นะครับสิ่งที่เขาทำเนี่ยคือเขาสามารถฝึกฝน

การใช้ภาษานะครับนอกจากภาษาแม่

ยกตัวอย่างของเราเป็นภาษาอังกฤษแล้วกันนะครับโดยการฝึกไม่เกิน 3 เดือนนะครับ

และการฝึกของเขาเนี่ยนอกจากที่จะ

ไม่เกิน 3 เดือนแล้วนะเขาใช้เวลา

ประมาณวันละ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

ฝึกตอนที่เดินทางบนรถไฟใต้ดิน Concept

เป็นแบบนี้ก่อนนะครับแล้วเค้าสามารถฝึก

ได้ทุกภาษาก็พอหยิบมาอ่านเนี่ยผมก็มานั่งหาก่อน

ว่าประเด็นไหนที่น่าสนใจบ้างนะครับ

สุดท้ายเนี่ยเราก็ค้นพบประเด็นเยอะมาก

เพราะว่าเราเข้าใจคนละฝั่งซ้ายตรงนี้ด้วยการหา Insight นะครับเพราะเรารู้มาสักประมาณหนึ่ง

เราก็เลยมาตั้งนะครับบทความที่จะดึงความสนใจ คนในกลุ่มที่ 1 นะครับว่าเรามีนะครับเทคนิคลับมากๆ จากคนที่พูดได้มากกว่า 7

แล้วเวลาที่เขาจะเริ่มภาษาใหม่เนี่ยเขา

ใช้เวลาไม่เกิน 60 วันนะครับ

โดยที่ไม่ต้องท่องแกรมม่ามาก

แล้วก็ไม่ต้องเน้นท่องศัพท์เยอะนะครับ

นี่คือวิธีดึงความสนใจที่ผมใช้ เห็นภาพไหมครับว่าคนเราลองประสบการณ์เก่า

มารูปแบบนี้เยอะแล้วเขาก็รู้แล้วว่าการทำแบบนี้ ไม่สามารถทำให้เขามาอยู่ในแดนสวรรค์ ในฝั่งขวาได้เขาก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ได้

และต่อให้กลับไปฝึกวิธีแบบนี้

ต่อให้มันลดราคาก็ไม่เห็นความเป็นไปได้อีก 1 รอบ ก็เลยทำให้คนส่วนใหญ่สนใจนะครับ

ที่เขาสนใจเนี่ยเพราะว่ามันเป็นโอกาสใหม่

ที่เขาไม่เคยได้ยินนะครับแล้วเขาก็รู้สึกว่า

เฮ้ยถ้าคนหนึ่งคนสามารถพูดได้ตั้ง 7 ภาษา

แบบใกล้เคียงเจ้าของภาษาที่สุด

แล้วเขาสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ภายใน 60 วัน

โดยที่เขาไม่มีพื้นฐานแกรมม่าหรือว่า

ไม่ได้มีคำศัพท์ในภาษานั้นมาก่อนเลยนะ

ถ้าเขาทำได้เราอาจจะยังไม่รู้วิธีเท่านั้นเอง

ดังนั้นน่าสนใจในยังไม่เชื่อนะครับ

เพราะเขายังไม่เชื่อผมก็ทำบทความเพิ่มขึ้นมาอีก

เช่นเทคนิคที่ Polyglot ใช้แล้วทำให้เขา

จำศัพท์ได้ไม่ลืมนะครับคือคนพวกนี้เขาจะมี

วิธีจำศัพท์ที่เป็นเทคนิคพิเศษของเขา

ทำให้เขาเนี่ยจำปุ๊บแล้วมันติดสมอง

คงทนเลยแต่ตรงกันข้ามกับวิธีจำของ

คนไทยทั่วไปจำนะจำได้ช่วงหนึ่ง

แต่พอสักพักหนึ่งมันจะลืม

ถ้าให้เทียบก็คล้ายกับว่าเหมือนตอนที่

พวกเราจะสอบแล้วก็รอตั้งใจจะอ่านหนังสือ

ในตอนนั้นเราจะขยันนะเราจะจำแม่นมาก

แต่หลังจากสอบเสร็จแล้วก็คืนทิ้งอาจารย์ไปหมด

อีกตัวอย่างบทความหนึ่งก็เช่น

เขาไม่ได้ศัพท์เยอะเวลาที่เขาจะเริ่มเรียน

ภาษาใหม่ๆเขาจะรู้ศัพท์พื้นฐานประมาณ

1000 กว่าคำเท่านั้นเองนะครับ

แล้วก็พันกว่าคำเนี้ยเป็นพันกว่าคำที่สามารถ

พูดเอาตัวรอดในชีวิตประจำวันได้

70 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของสถานการณ์ทั่วไป

หมายความว่าถ้าอยากเอาชีวิตรอด

ได้ภายใน 60 วันแล้วก็สื่อสารคล่องนะครับ

ไม่ต้องเน้นแกรมม่าคุณรู้จักศัพท์พันตัวนะพอแล้วแล้วคุณอยากรู้ไหมว่าพันตัวนี้คืออะไร

ก็เปลี่ยนมาเชื่อประมาณนี้นะครับ

อีกสักอันนึงคือเขามีวิธีการจำ Grammar ครับ โดยที่จำเราไม่ลืมเหมือนเดิม

แถมเขาบอกเลยว่าวิธีที่เขาใช้ฝึก

แกรมม่าสามารถทำให้คุณพัฒนา

สำเนียงให้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา

ไปในเวลาเดียวกันด้วยนะครับ

ซึ่งกลยุทธ์ของเขาเนี่ยได้แกรมม่า

ได้ศัพท์จำไม่ลืมและได้สำเนียง

นั่นก็คือเทคนิคในการสร้างความเชื่อ

ที่ผมใช้ประมาณ 3-4 บทความ

และที่สำคัญการขายไม่ได้ออกหน้านะ

ตอนที่ขายเล่มนี้นะครับแล้วก็หนังสือ

ยังไม่ได้สั่งพิมพ์เราต้องการเปิดพรีออเดอร์นะครับ

แล้วก็เราเนี่ยทำ Content ประมาณเนี้ย

แล้วเราเพิ่งเปิดตัวนะครับแล้วก็ใช้กลยุทธ์

การยิงแอดนะครับเพื่อหาคนให้มาสนใจ

แล้วก็ให้มันเชื่อเพราะเขาสนใจและความเชื่อมั่นเราสร้างคนกลุ่มนี้เหมือนกับ

เราขุดบ่อปลาขึ้นมาเอง พอเราพร้อมนะว่า

เราจะเปิดพรีออเดอร์เนี่ย

เราก็เขียนได้ขายไป 1 หน้าครับ

ว่าเราพร้อมแล้วที่จะเปิดพรีออเดอร์

หนังสือเล่มนี้ ให้กับคุณนะครับแล้วยอดจอง

ถล่มทลายสามารถ สร้างรายได้

หลักแสนนะครับตั้งแต่เปิดตัว

และเราก็เอาเงินก้อนนี้ไปสั่งพิมพ์

แล้วก็เอามาขายวนไปนะครับ

แปลว่าต้นทุนในการทำเนี่ย

เราแทบไม่ได้จ่ายเลยเพราะว่า

ตอนนี้ยิงแอดก็ใช้วงเงินในบัตรเครดิต

รูดไปก่อนด้วยนะครับถ้าเปรียบเทียบเนี่ย

เราเช็คกันอีก 1 รอบนะครับคนที่พูด

ภาษาอังกฤษไม่ได้คือคนหน้าบึ้ง

และเขาก็สงสัยว่าทำยังไงเขาถึงจะเก่ง

เขาไม่เก่งแกรมม่าเขาศัพท์น้อย

เขาเรียนมาตั้ง 10 ปีเขายังทำไม่ได้

ผมต้องทำให้เขาเชื่อนะครับ

พอผมทำให้เขาเชื่อว่าประมาณ

บทความ 3-4 บทความนะครับ

พอเขาเชื่อเขาก็จะพร้อมแล้วที่

จะเปลี่ยนแปลงวิธีฝึกให้จาก

วิธีฝึกหนักคนไทยไปฝึกแบบพวก Polyglot

ที่พูดได้หลายภาษาแล้วมีคนแบบนี้เยอะมากๆ

ทั่วโลก นะครับเขาพร้อมที่จะฝึกละ

ผมก็ปล่อยสินค้ามาขายนะครับ

แล้วสินค้าหนังสือเล่มนี้ถ้าเปรียบเทียบ

ก็คือมันก็เป็นเหมือนสะพานนะครับ

ที่จะช่วยให้คนจากฝั่งแดนนรก

ก้าวข้ามมาแบบ step by step นะครับ

เพื่อกระโดดเข้ามาอยู่ในแดนสวรรค์ได้ใน 60 วัน ด้วยวิธีฝึกที่ถูกต้อง

ก็หวังว่าตัวอย่างนี้จะทำให้ทุกท่านเห็นภาพนะครับ นอกจาก Case Study นี้แล้วเนี่ย

ผมมันทำซ้ำมาอีกเป็น 10 ตัวนะครับ

ที่เราโพสต์บทความไม่ถึง 10 นะแต่ว่า

ด้วยระยะเวลาที่มันสั้นๆแล้วผมอยากให้

ทุกท่านย่อยองค์ความรู้นี้ได้แบบเข้าใจง่าย

สั้นตรงประเด็นที่สุดนะครับก็เลยขออนุญาต

ยกตัวอย่าง 1 ตัวอย่างพอนะครับ

แต่ว่าถ้า เกิดใครที่ฟังแล้วนะครับยังรู้สึกว่า

มันเป็นโอกาสมันจะมีอีกสัก 1 โอกาสไหม

ที่จะทำให้ทุกท่านสามารถทำคอร์สหรือว่า

ทำ expert แล้วปังได้มาถึงเป้าที่ตัวเองตั้งใจ

ถ้าวันนี้คุณมีเป้าที่จะทำ expert ไม่ว่าจะเป็น

หลักหมื่นหลักแสนหรือหลักหลายแสนนะครับ

แล้วคุณยังไม่สามารถก้าวข้ามมาถึงเป้า

ฝั่งแดนสวรรค์ได้นะครับแล้วคุณก็ไม่รู้ว่า

คุณติดปัญหาอะไรนะครับมันเลยมาไม่ถึงฝั่งนี้สักที

มันเป็นที่อะไรนะ content รึเปล่า

จากประสบการณ์ผมที่มีมาตลอดมากกว่า 8 ปี ผมจะเปิดสายช่วยวิเคราะห์ให้นะครับ

เพื่อจะช่วยดูว่าถ้าเกิดคุณอยากที่จะทำ expert แล้วกระโดดข้ามมาฝั่งแดนสวรรค์

คุณจำเป็นที่จะต้องแก้ปัญหาตรงจุดไหน

ดีไหมครับแบบตรงๆไม่อ้อมค้อมแล้ว

ก็ไม่ต้องเสียเวลานะครับ

จากที่คุณไม่รู้คุณจะได้รู้นะครับ

เราจะใช้เวลาคุยกันประมาณสัก 30 นาที

ไม่เกินนี้นะครับแล้วผมรับได้ใน

1 อาทิตย์นี้ประมาณ 3 ท่านเท่านั้นนะครับ

การคุยในครั้งนี้ 30 นาทีไม่มีค่าใช้จ่ายนะครับ

แต่ว่าขอคนที่มั่นใจในไอเดียนิดนึงนะครับ

หรือว่าคุณอยากที่จะทำแต่ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ

ขั้นตอนถ้าสนใจเดี๋ยวทักนะครับใน

LINE มาได้เลยว่าจองคิววิเคราะห์นะครับ

พิมพ์มาแบบนี้ได้เลยนะครับแล้วเดี๋ยวผม

จะมีแบบฟอร์มให้กรอกสั้นๆไม่เกิน 1 นาที

เพื่อทำให้ผมเนี่ยไม่เข้าใจสิ่งที่ทุกท่านเป็นอยู่

สิ่งที่ทุกท่านทำไปแล้วนิดนึงนะครับ

เพราะเราใช้เวลาคุยกัน 30 นาทีนะ

ผมอยากให้ทุกท่านได้ประโยชน์สูงสุดนะครับ

แล้วการคุยในครั้งนี้เนี่ยผมจะมี

ข้อเสนอพิเศษให้นะครับ

แต่ไม่ได้บังคับคุย 30 นาทีเนี่ย

ทุกท่านจะได้คุยกันฟรีนะครับ

พิมพ์มาได้เลยว่าจองคิววิเคราะห์

แต่ว่าถ้าเกิดว่าทุกท่านเชื่อในโอกาส

ที่ผมนำเสนอนะครับว่ามันเป็น Step ที่

สั้นกระชับแล้วก็จะช่วยให้ได้ประโยชน์

สูงสุดในระยะเวลาที่เร็วที่สุด

หรือว่าทุกท่านอยากได้ที่ปรึกษานะครับ

แบบส่วนตัวนะครับเดี๋ยวผมจะมีข้อเสนอพิเศษให้ ที่จ่ายยาแบบตรงตามอาการของท่านเป๊ะๆ

โดยที่ไม่ได้มีการบังคับใดๆทั้งสิ้นถ้า

ฟังแล้วรู้สึกว่าเห็นโอกาสสามารถที่จะคุยกันได้ ยังไม่สนใจไม่เป็นไรทั้งสิ้นนะครับ 30 นาทีนี้

คือประสบการณ์ผมตลอด 8 ปีที่จะช่วยทุกท่านวิเคราะห์แล้วก็หาโอกาสว่าทำไมมันขาดอะไรหรือมันมีโอกาสอะไรที่จะทำให้คุณไปถึง

ฝั่งแดนสวรรค์หรือเป้าหมายในธุรกิจ

expert ที่คุณตั้งไว้นะครับ

โอเคถ้าใครสนใจก็สามารถทักมาคุยกันได้เลย

คลิปนี้ก็หวังว่าช่วยทำให้ทุกท่านเนี่ยปลดล็อค

เรื่องการทำ Content ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มากๆ ที่ผมเคยเจอนะครับทุกวันนี้มันไม่ใช่ปัญหา

ที่ผมกังวลอีกแล้วนะครับแล้วก็หลายคนที่

เอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ก็สามารถที่จะปลดล็อค ได้ทันทีนะครับใครสนใจก็ลองทักมาคุยกันนะครับ

สวัสดีครับ

อุ้ย Expert Fastlane


รับจำนวนจำกัด

ขั้นตอน

  1. คลิกจองคิวนัดคุยผ่านไลน์

2 พิมพ์แจ้งในไลน์ "จองคิวรับคำปรึกษา"

3 กรอกแบบสอบถาม ข้อมูลเบื้องต้น เพื่อให้แนะนำคุณได้มีประสิทธิภาพที่สุด

อย่ารอช้า จองเลย!!

(ไม่มีค่าใช้จ่าย จำนวนจำกัด)